เปิดตัว Commander ปรีแอมป์พลิฟายเออร์ที่ดีที่สุดในโลก จาก Gryphon Audio Designs

Gryphon Audio Designs ได้นำผลสัมฤทธิ์ตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษในการสานต่อปรัชญาของทางแบรนด์ เป้าหมายทางด้านการดีไซน์ และความชำนาญการในด้านวิศวกรรมทางเสียง มาถักทอลงในเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์ รุ่น Commander จนได้ชื่อว่าเป็นเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์ที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก

จุดเริ่มต้นของการเป็นเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์รุ่น Commander คือ เครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์ระดับ Reference ของทางแบรนด์อย่างรุ่น Pandora ที่ได้รับการยอมรับจากหลายสำนักว่าเป็นหนึ่งในเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์ที่ดีที่สุดในโลก โดย Commander ใช้โครงสร้างวงจรรูปแบบ Dual Mono เช่นเดียวกับรุ่น Pandora แยกแชนเนลออกจากกันอย่างชัดเจนด้วยเเชสซีคนละตัว เพื่อแยกตัวถังในการใช้จ่ายสัญญาณและเพาเวอร์ซัพพลาย สงวนไว้ซึ่งอินพุตบัฟเฟอร์แบบวงจรขยายซิงเกิ้ลเอ็นด์คลาส A เป็นการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนน้อยชิ้นที่สุดในการจ่ายผ่านสัญญาณ ด้วยการใช้ทรานซิสเตอร์ 2 ตัว และรีซิสเตอร์แค่ 1 ตัวเท่านั้นในวงจร ทำให้เสียงที่ถ่ายทอดออกมาจากปรีแอมป์พลิฟายเออร์รุ่น Commander มีความกระจ่างใส เป็นธรรมชาติ เป็นลักษณะเสียงที่เปิดโล่งลากหางเสียงในแต่ละย่านความถี่ออกมาได้กว้างอย่างครอบคลุม รวมทั้งยังใช้ Zero Global Negative Feedback เหมือนกับในรุ่น Pandora เช่นกัน

ปรีแอมป์พลิฟายเออร์ Commander ปรีแอมป์ที่ทันสมัยและดีที่สุดในโลก

หากนำพารามิเตอร์ที่เป็นตัวบ่งชี้สำคัญในแง่ของคุณภาพเสียงของปรีแอมป์พลิฟายเออร์มาพิจารณา จะเห็นว่าเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์รุ่น Commander แสดงความทันสมัยที่ล้ำไปไกลกว่าเครื่องปรีแอมป์อื่นๆอยู่หลายเท่าตัว อาทิ ความสามารถในการให้โทนเสียงที่เป็นธรรมชาติใกล้เคียงต้นฉบับของแหล่งต้นเสียงมากที่สุด High Precision, ใช้ Voltage Reference ในรูปแบบ Extremely Low Noise มาต่อวงจรเข้ากับ Analogues Series Regulators ที่ใช้จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ภาคขยายสัญญาณเสียง โดยภาคแรงดันอ้างอิงที่เป็นแรงดันที่ตั้งไว้คงที่ของเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์ Commander ออกแบบมาให้มีสัญญาณรบกวนต่ำมากกว่า Voltage Reference ที่ใช้ในเครื่อง Pandora เกือบ 50 เท่า เพาเวอร์ซัพพลายแบบลิเนียร์จำนวน 1 คู่ใช้วงจรแบบ Fully Discrete คือทำงานแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง คอยป้อนกำลังไฟเข้าไปในวงจรแอนะล็อกของแต่ละแชนเนล ขณะที่เพาเวอร์ซัพพลายอีกตัว (ตัวที่ 3) มีหน้าที่คอยจัดการกับวงจร Digital Control Circuitry หมายความว่าในทางจักรกลเครื่องจะสามารถทำงานแยกกันได้โดยสัมบูรณ์ ภาคดิจิทัลจึงจะถูกแยกทางไฟฟ้า (Electrical Isolation) ออกจากภาคสัญญาณเสียงแอนะล็อกอย่างสิ้นเชิง

เมื่อนำองค์ประกอบต่างๆในวงจรที่มีความพิเศษและคัดสรรอย่างดีมาประกอบกัน...

จึงได้เป็นเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์รุ่น Commander ที่มีอำนาจในการสั่งการ มีพละกำลังขับอย่างมีชีวิตชีวาในการส่งทอดเสียงเพลงออกมา ด้วย Timing ที่เเม่นยำ ควบคุมการกลั่นเสียงในย่านความถี่ต่ำ (Bass Control) ลากไดนามิกส์ของเสียงออกมาได้กว้างครอบคลุมในทุกย่านความถี่ (Dynamic Expansion) ด้วยความกระจ่างใสคมชัด (Transparency) เครื่องปรีแอมป์รุ่น Commander มาพร้อมกับแชสซีขนาดมหึมาจำนวน 2 ถัง และภาคเพาเวอร์ซัพพลายในเครื่องใช้ทรานฟอร์เมอร์แบบเทอร์รอยด์ Custom Made จำนวน 4 ตัว (2 ตัวต่อแชนแนลแบบสเตอริโอ) ที่ออกแบบทางวิศวกรรมมาอย่างดีให้ไม่ส่งเสียงดังรบกวนการทำงานส่วนอื่นๆของเครื่อง ทรานฟอร์เมอร์ 2 ตัว (ใช้งาน 1 ตัวต่อแชนเนล) จะทำการขับเคลื่อนวงจร Dual Mono ใน Preamplifier Circuits ส่วนทรานฟอร์เมอร์อีก 2 ตัวทางวิศวกรได้คิดค้นมาไว้ว่าเป็นกลไกที่จะสงวนเอาไว้สำหรับ Source Components อื่นๆ เป็นกลไกแบบ Future-Proof เพื่อเปิดโอกาสให้กับการอัพเกรดอื่นๆได้ในอนาคต

การใช้เเชสซีที่ทำมาจากโลหะประเภทอลูมิเนียมช่วยในเรื่องความเสถียร

ให้สมบัติ Non-Resonance ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพทั้งทางกลและสนามแม่เหล็ก (Mechanical and Electrical Degradation) ทั้งยังช่วยให้สภาพเงื่อนไขการทำงานของวงจร (Working Condition) มีคุณสมบัติเป็นไปตามต้องการอย่างถึงที่สุด แผ่นเพลตด้านล่าง (Bottom Plate) ที่เป็นส่วนฐานของเครื่องปรีแอมป์ Commander ติดตั้งเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Constrained-Layer-Damp เป็นการนำเลเยอร์ของวัสดุคอมโพสิต Kerrock® ปิโตรเลียมประเภทน้ำมันดิน (Bitumen) และสเตนเลสสตีลมาประกบกันเป็นแซนด์วิช เพื่อช่วยลดเรโซแนนซ์ให้น้อยที่สุด โดยวงจรภาคขยายสัญญาณและแผงวงจรเพาเวอร์ซัพพลายจะตั้งอยู่บนส่วนฐานเครื่องนี้ด้วยระบบ Isolator แบบพิเศษ ให้วงจรล้ำค่าภายในตัวเครื่องทำงานได้โดยปราศจากแรงสั่นสะเทือนอีกชั้น

ปรีแอมป์พลิฟายเออร์รุ่น Commander ความก้าวล้ำในการดีไซน์ที่ทางแบรนด์คิดค้นมาอย่างดี

เครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์รุ่น Commander มาพร้อมกับหน้าจอ Display ทำด้วยกระจกหนาพิเศษ 4 มม. เป็นหน้าจอรูปแบบ TFT แบบสัมผัส ขนาด 4.3 นิ้ว ที่มีการตอบสนองต่อการแสดงผลที่ค่อนข้างไว ประมวลผลการทำงานได้รวดเร็ว เป็นการดีไซน์ที่ออกแบบมาอย่างดีด้วย User Interface ที่ใช้งานได้ง่าย อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ ผ่านทางระบบปฏิบัติการในส่วนของปุ่มควบคุมหน้าต่างโปรแกรม (Menu Control) ด้วยฟังก์ชันอัจฉริยะเช่น ฟังก์ชัน Start-Up Level ฟังก์ชัน Left/Right Channel Balance ฟังก์ชัน Maximum Volume Level ที่คุมไม่ให้ผู้ใช้เผลอปรับระดับวอลลุมจนดังเกินไป ฟังก์ชัน Source-Level Matching ฟังก์ชัน Input Naming ที่ผู้ใช้สามารถตั้งชื่ออินพุตได้ตามความชอบ มีฟังก์ชันปรับความสว่างหน้าจอ Display Brightness (Auto Dim On/Of ให้สามารถเปิด/ปิด หรี่ระดับความสว่างได้แบบออโต้) มี AV-throughput สำหรับเชื่อมต่อซิสเต็มเข้ากับระบบ Home Theater มีฟังก์ชัน Output Level ให้ปรับลดระดับความแรงของสัญญาณแอนะล็อกเอาต์พุตได้ รวมถึงยังมีภาค Green Bias ที่เป็นลิขสิทธิ์ของทางแบรนด์ในการใช้ปรับค่ากระเเสไบอัส เมื่อนำเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์ไปต่อพ่วงเข้ากับเครื่องเพาเวอร์แอมป์พลิฟายเออร์ของ Gryphon นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงในหน้าจอ Display จะขึ้นอยู่กับระยะการจัดวางอุปกรณ์ นับจากระยะความห่างระหว่างผู้ใช้และSystem เป็นการออกแบบมาเพื่อให้ระดับวอลลุมความดังและการตั้งค่าอื่นๆ สามารถประสานงานกันได้อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่สำคัญว่าตำแหน่งการฟัง หรือ Listening Position จะอยู่ในระยะไหน ซึ่งเป็นส่วนที่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวล้ำในการดีไซน์ที่ทางแบรนด์คิดค้นมาอย่างดี ตอกย้ำว่า Gryphon Commander คือเครื่องปรีแอมป์พลิฟายเออร์ที่ ‘ดีที่สุดในโลก’ อย่างแท้จริง

กว่า 40 ปี ที่ Gryphon Audio Designs ถือกำเนิดขึ้นมา เราไม่เคยหยุดยั้งที่จะสานต่อปรัชญาในการแสวงหาซึ่ง ‘คุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุด’ ให้กับลูกค้าทุกท่าน

ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ผ่านการประทับตราสัญลักษณ์รูปสัตว์ในเทพนิยายที่สะท้อนซึ่งพลังอำนาจอย่าง ‘กริฟฟิน’ ของ Gryphon Audio Designs จึงไม่ใช่อุปกรณ์ประเภทที่ผลิตมาเพียงแค่เเสวงหากำไรทางการค้า จนต้องยอมอ่อนข้อไปลดค่าพลังในความสามารถของเครื่องในบางประการ เพราะอุปกรณ์เครื่องเสียงของเราจะไม่อิงทุกปัจจัยข้อจำกัดทางพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการดีไซน์ การผลิต หรือ ต้นทุนการผลิตทุกประการ เพื่อสร้างสรรค์ให้ได้มาซึ่งอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ ‘ดีที่สุด’ เท่านั้น หากผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ Gryphon มีชีวิต ในทุกลมหายใจเข้า-ออกคือจิตวิญญาณความเป็น Perfectionist ใช้ Engineering of Audio เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุด นำอุปกรณ์ทุกชิ้นที่มีคุณภาพระดับพระกาฬมาประกอบสร้างด้วยสุนทรียศาสตร์ตามฉบับ Nordic Noir คือเป็นผลิตภัณฑ์ต้องเรียกว่า ‘อัจฉริยะ’ ทว่าออกแบบมาให้ ‘ใช้งานได้ง่าย’

‍